ในปัจจุบัน การใช้โซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเด็กและเยาวชน อย่างไรก็ตาม โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เด็กไม่ทันระวังตัว เช่น การถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้โอนเงิน
หลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือแม้แต่การถูกคุกคามทางออนไลน์ (Cyberbullying) หากลูกของคุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ ควรรีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องลูกจากความเสียหายที่อาจร้ายแรงขึ้น
- ตั้งสติ และพูดคุยกับลูกอย่างเปิดใจ
เมื่อทราบว่าลูกถูกหลอกลวง สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำคือ ตั้งสติ อย่าโทษหรือตำหนิลูก เพราะเด็กอาจรู้สึกกลัวและไม่กล้าบอกความจริง การสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างให้ลูกกล้าพูดคุยเป็นสิ่งสำคัญ พยายามถามลูกด้วยน้ำเสียงที่สงบ และให้ลูกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด
- รวบรวมหลักฐานของการหลอกลวง
เมื่อได้ข้อมูลจากลูกแล้ว ควรรีบ รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น
– ข้อความแชท
– ลิงก์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
– บัญชีธนาคารหรือข้อมูลของมิจฉาชีพ
– หมายเลขโทรศัพท์ หรือบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้ในการหลอกลวง
การเก็บหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถนำไปใช้แจ้งความหรือรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
- แจ้งความและติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หากลูกถูกหลอกลวงทางออนไลน์ ควรรีบแจ้งความกับตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
– กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)
– ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนอาชญากรรมออนไลน์
– ธนาคาร (หากมีการโอนเงิน) เพื่อขออายัดบัญชีของมิจฉาชีพ
หากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิเด็ก หรือการถูกคุกคาม ควรติดต่อ **มูลนิธิคุ้มครองเด็ก** หรือ **กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์**
- แจ้งแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันให้ลบบัญชีของมิจฉาชีพ
หากมิจฉาชีพใช้ Facebook, Instagram, LINE หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ควรรีบ แจ้งแพลตฟอร์มให้ตรวจสอบและปิดบัญชีของมิจฉาชีพ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม
- สอนลูกให้รู้จักวิธีป้องกันตัวเองในโลกออนไลน์
– อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่ กับคนที่ไม่รู้จัก
– อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาหรือข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง เช่น ของแจกฟรี เงินรางวัล หรือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง
– หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้บุคคลแปลกหน้า
– อย่าคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจเป็นลิงก์หลอกลวงหรือไวรัส
– ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อป้องกันมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
- สนับสนุนจิตใจลูก หากลูกได้รับผลกระทบทางอารมณ์
หากลูกถูกมิจฉาชีพหลอก อาจทำให้รู้สึก เสียใจ อับอาย หรือเครียด พ่อแม่ควรให้กำลังใจลูก และหากพบว่าลูกมีความวิตกกังวลมาก อาจพาลูกไปพบ นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาทางจิตใจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางอารมณ์
- ติดตามพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกอย่างใกล้ชิด
พ่อแม่ควรตรวจสอบ พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูก โดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว เช่น
– ใช้แอปพลิเคชันควบคุมการเข้าถึงเว็บไซต์และแอปต่างๆ
– พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับประสบการณ์ในโลกออนไลน์เป็นประจำ
– แนะนำให้ลูกใช้โซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัย
เมื่อพบว่าลูกตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ พ่อแม่ต้องตั้งสติ รวบรวมหลักฐาน แจ้งความ และดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ สิ่งสำคัญคือการสอนลูกให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีสติและไม่หลงเชื่อคำหลอกลวงง่ายๆ พ่อแม่ต้องเป็นที่ปรึกษาให้ลูกและสร้างความมั่นใจว่า โลกออนไลน์จะปลอดภัย หากเรารู้จักวิธีป้องกันตัวเอง
สนับสนุนเนื้อหาโดย เครื่องช่วยฟังยี่ห้อไหนดี