ทำอย่างไร เมื่อลูกตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์

ในปัจจุบัน การใช้โซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเด็กและเยาวชน อย่างไรก็ตาม โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เด็กไม่ทันระวังตัว เช่น การถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้โอนเงิน

หลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือแม้แต่การถูกคุกคามทางออนไลน์ (Cyberbullying) หากลูกของคุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ ควรรีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องลูกจากความเสียหายที่อาจร้ายแรงขึ้น  

  1. ตั้งสติ และพูดคุยกับลูกอย่างเปิดใจ  

เมื่อทราบว่าลูกถูกหลอกลวง สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำคือ ตั้งสติ อย่าโทษหรือตำหนิลูก เพราะเด็กอาจรู้สึกกลัวและไม่กล้าบอกความจริง การสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างให้ลูกกล้าพูดคุยเป็นสิ่งสำคัญ พยายามถามลูกด้วยน้ำเสียงที่สงบ และให้ลูกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด  

 

  1. รวบรวมหลักฐานของการหลอกลวง 

เมื่อได้ข้อมูลจากลูกแล้ว ควรรีบ รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น  

– ข้อความแชท  

– ลิงก์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง  

– บัญชีธนาคารหรือข้อมูลของมิจฉาชีพ  

– หมายเลขโทรศัพท์ หรือบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้ในการหลอกลวง  

การเก็บหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถนำไปใช้แจ้งความหรือรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้  

 

  1. แจ้งความและติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หากลูกถูกหลอกลวงทางออนไลน์ ควรรีบแจ้งความกับตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น  

– กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)  

– ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนอาชญากรรมออนไลน์  

– ธนาคาร (หากมีการโอนเงิน) เพื่อขออายัดบัญชีของมิจฉาชีพ  

หากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิเด็ก หรือการถูกคุกคาม ควรติดต่อ **มูลนิธิคุ้มครองเด็ก** หรือ **กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์**  

 

  1. แจ้งแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันให้ลบบัญชีของมิจฉาชีพ  

หากมิจฉาชีพใช้ Facebook, Instagram, LINE หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ควรรีบ แจ้งแพลตฟอร์มให้ตรวจสอบและปิดบัญชีของมิจฉาชีพ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม  

 

  1. สอนลูกให้รู้จักวิธีป้องกันตัวเองในโลกออนไลน์  

– อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่ กับคนที่ไม่รู้จัก  

– อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาหรือข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง เช่น ของแจกฟรี เงินรางวัล หรือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง  

– หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้บุคคลแปลกหน้า  

– อย่าคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจเป็นลิงก์หลอกลวงหรือไวรัส  

– ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อป้องกันมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว  

 

  1. สนับสนุนจิตใจลูก หากลูกได้รับผลกระทบทางอารมณ์  

หากลูกถูกมิจฉาชีพหลอก อาจทำให้รู้สึก เสียใจ อับอาย หรือเครียด พ่อแม่ควรให้กำลังใจลูก และหากพบว่าลูกมีความวิตกกังวลมาก อาจพาลูกไปพบ นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาทางจิตใจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางอารมณ์  

 

  1. ติดตามพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกอย่างใกล้ชิด  

พ่อแม่ควรตรวจสอบ พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูก โดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว เช่น  

– ใช้แอปพลิเคชันควบคุมการเข้าถึงเว็บไซต์และแอปต่างๆ  

– พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับประสบการณ์ในโลกออนไลน์เป็นประจำ  

– แนะนำให้ลูกใช้โซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัย  

 

เมื่อพบว่าลูกตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ พ่อแม่ต้องตั้งสติ รวบรวมหลักฐาน แจ้งความ และดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ สิ่งสำคัญคือการสอนลูกให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีสติและไม่หลงเชื่อคำหลอกลวงง่ายๆ พ่อแม่ต้องเป็นที่ปรึกษาให้ลูกและสร้างความมั่นใจว่า โลกออนไลน์จะปลอดภัย หากเรารู้จักวิธีป้องกันตัวเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังยี่ห้อไหนดี

About: admin