การฟื้นคืนชีพของ แมมมอส หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park ฉากคืนชีพไดโนเสาร์น่าจะเป็นจากที่หลายคนประทับใจและจำได้ เชื่อไหมว่าฉากนั้นเนี่ยเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์อยากที่จะคืนชีพสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
ตอนนี้มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งวางแผนที่จะคืนชีพให้กับแมมมอธพันปีกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ย้อนอดีตไปก่อนหน้านี้ 4000 ปีครับเจ้าแมมมอสขนยาวได้ท่องไปทั่วอาร์กติกก่อนที่มันจะสูญพันธุ์หลังจากถูกมนุษย์ยุคแรกเริ่มล่าพวกมัน รวมถึงนำเนื้อของพวกมันมาทำอาหารจนถึงเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับกระดูกของพวกมันก็ใช้เป็นเครื่องมือ
เมื่อเวลาผ่านไปโลกก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวันทุกวันมีการสิ้นสุดของยุคน้ำแข็งประกอบการไล่ล่าจนเกินพอดีของมนุษย์ครับทำให้แมมมอสเหล่านั้นสูญพันธุ์ไปเหลือไว้แต่เพียงซากภายใต้ผืนน้ำแข็ง ซึ่งจริงจริงแล้วก็มีไม่น้อยที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์
เพราะว่าน้ำแข็งเรียบช่วยคงสภาพของพวกมันเอาไว้ถ้าไม่มีการไล่ล่าแมมมอส ก็อาจจะอยู่รอดได้จนถึงปัจจุบันนี้ และนั่นทำให้ George Churchและทีมนักวิทยาศาสตร์จากค โครอสโซ จากบริษัท สตาร์ท อัพ สัญชาติอเมริกาด้านชีววิทยาและพันธุศาสตร์ ต้องการจะฟื้นคืนชีพให้กับแมมมอสอีกครั้งหนึ่ง
โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย Harvard เรียกว่าการ De-extinction แปลว่าการไม่ทำให้สูญพันธุ์ กระบวนการคืนชีพนี้มี 13 ขั้นตอนด้วยกันได้แต่หลักๆแล้วก็คือการเอาสารพันธุกรรมของแมมมอสไปเทียบช้างเอเชีย
ซึ่งเชื่อว่าเหมือนมากถึง 90.96 เปอร์เซ็นต์อย่างครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์จะนำเอาสารพันธุกรรมของซากแมมมอสที่พบหลังถูกแช่ไว้ใต้พื้นน้ำแข็งที่นำเก็บไว้ในห้องแลปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 เอามาเทียบกันดูแล้วจึงใช้เทคโนโลยีคริสเปอร์ตัดแต่งสารพันธุกรรมจุดที่ต่างให้เหมือนกัน
หากเซลล์ที่ได้จากการตัดแต่งพันธุกรรมนี้อยู่รอดในอุณหภูมิเย็นจัดก็จะสกัดเอานิวเคลียสของเซลล์ไปปลูกถ่ายในเซลล์ไข่รอดูว่าเซลล์ที่ได้แบ่งตัวเหมือนการเติบโตของตัวอ่อนหรือไม่ จากนั้นนำไปฝั่งที่มดลูกของช้างแอฟริกา
ซึ่งจะกลายเป็นคุณแม่อุ้มบุญ โดยจะมีการอุ้มท้องนาน 22 เดือนเมื่อคลอดลูกออกมานั้น ช้างตัวนั้นจะกลายเป็นแมมมอสตัวแรกที่ฟื้นคืนชีพนั่นเองครับคาดการณ์ว่ากระบวนการทดลองนี้น่าจะเห็นผลได้อีก 4-6 ปีข้างหน้า
นอกจากจะทำเพื่อการศึกษาแล้วนักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่า แมมมอสมีบทบาทช่วยชะลอสภาพอากาศเลวร้ายจากโลกร้อนในบริเวณขั้วโลกเหนืออีกด้วย แม้การทดลองนี้จะช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และยับยั้งการกระจายของแก๊สมีเทน แถมการทดลองยังช่วยอนุรักษ์สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ด้วย
แม้ว่าแนวคิดนี้อาจฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์แต่ทีมงานกล่าวว่าไม่มีอุปสรรคใดๆงานนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันมากถึงการฟื้นคืนชีพของแมมมอสว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในทางวิทยาศาสตร์
สนับสนุนเรื่องราวโดย gclub มือถือ ทดลองเล่น